📔End of "This" Journey


   สวัสดีค่าา วันนี้จะเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะคะสำหรับบล็อกนี้ พูดแล้วก็เศร้า //ปาดน้ำตา สำหรับวันนี้ เราก็จะมาสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียน App Jp Ling และการเขียนบล็อกกันค่ะ ว่าได้พัฒนาอะไรกันบ้าง!!


   ก่อนอื่นมาดูกันดีกว่า ว่าเราเขียนบล็อกเกี่ยวกับอะไรกันไปบ้าง

Task
   Welcome to my Radish Garden🌱
   🍀タスク①「漢語」
   🍀タスク②「私に言ってるの?」
   🍀タスク③ "ใจเขาใจเราเนาะ"

สรุปเนื้อหาที่เรียน (แบบขำๆ ไม่ใช่งาน)
   🐙Is 'Krashen' an octopus? That's Kraken!
   🦢Is Swain a friend of Krashen? Nahh I don't think so.

ขาย Mamamoo
   🐶Introduction to Mamamoo : Paint Me
   ⭐4COLORS : Starry Night
   🔥4COLORS : Egotistic
   🍁4COLORS : Wind Flower
   🥂4COLORS : gogobebe

   ก็เขียนไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย รู้สึกภาคภูมิใจ 55555 ต่อมาเราจะพูดถึงสิ่งที่ได้พัฒนาจากการเรียนและการเขียนบล็อกเนาะ

🎁 สิ่งที่ได้จากการเรียนในห้อง

   อย่างแรกเลยคือทักษะการใช้ภาษาญี่ปุ่นเนาะ ในเทอมนี้เราได้เรียนเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นอย่างชาญฉลาดกันไปอย่างเข้มข้น และภายใต้หัวข้อนี้ก็ได้เรียนเทคนิคการใช้ภาษาให้ดูฉลาดหลายเรื่อง เช่น เรื่องการใช้ 漢語 และ 外来語 หรือ เรื่องการพูดอ้อมๆโดยการใช้ 換喩・提喩 เป็นต้น

   เรื่อง 換喩・提喩 อาจจะยังไม่ค่อยได้ใช้จริงเท่าไหร่ แต่พวก 漢語 และ 外来語 นี่ได้ใช้เยอะมากกก เพราะเทอมนี้ต้องเขียนรายงานวิชา Jp Writ ค่ะ 555555 รายงานมันก็ต้องดูดี ดูฉลาด ดูน่าเชื่อถืออ่ะเนาะ ตอนนั่งเขียนก็คือนั่งเสิร์ชหาคันจิ หาศัพท์เฉพาะให้วุ่น กว่าจะเขียนได้แต่ละพารากราฟเลือดตาแทบกระเด็นเลย แต่พอได้อ่านงานของตัวเองแล้วมันก็รู้สึกว่าเขียนได้ดีกว่าตอนทำรายงานเทอมแรกมากอ่ะ ภูมิใจ

   อีกเรื่องที่ได้มาแบบเน้นๆเลยคือทักษะในการเล่าเรื่องเนาะ อันนี้คือความรู้ที่สดใหม่มาก เพราะเรียนไปตอนท้ายๆเทอม ส่วนตัวคือชอบเรียนเรื่องนี้นะ มันสนุกอ่ะ ไม่เหมือนเรียนภาษาเพียวๆ แบบเวลาจะเล่าเรื่องก็ได้คิดถึงเรื่องราวก่อนหน้าหรือหลังจากนั้น ที่มันไม่ได้ปรากฏในภาพให้เราเห็นด้วย ยิ่งพองานหลังๆรู้สึกว่าตัวเองช่างสังเกต บวกกับมีจินตนาการมากขึ้นมาก ทำให้มองเห็นรายละเอียดที่สำคัญๆในรูปที่เราควรจะเล่าออกไป ทำให้เรื่องที่เล่ามันน่าตื่นเต้น มีสีสันมากขึ้น

   ในด้านของภาษาก็ได้ลองใช้พวกไวยากรณ์ต่างๆที่คนญี่ปุ่นมักใช้ในการเล่าเรื่อง อย่างเช่น 「Vてしまう」「~のだ」「Vた・Vていた」 ซึ่งถ้าให้พูดจริงๆแล้ว ก็เป็นไวยากรณ์ที่เคยเรียนมาแล้วทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจการใช้อย่างถ่องแท้ ทำให้ไม่รู้ว่าควรจะใช้ตอนไหนและกลายเป็นหลีกเลี่ยงการใช้เพื่อตัดปัญหาไป

   แต่พออาจารย์กนกวรรณกับพี่โนอธิบายถึงการใช้และความหมายที่แฝงอยู่ในรูปไวยากรณ์แล้ว มันเหมือนได้รับการ enlighted อ่ะ โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างของ Vた กับ Vていた พออาจารย์ยกตัวอย่างเรื่องต้มน้ำเดือดก็คือถึงบางอ้อว่า Vた คือใช้ในกรณีที่เห็นกับตาเลยว่า จากที่ไม่เดือด กลายเป็นเดือด แต่ Vていた คือต้มน้ำทิ้งไว้แล้วกลับมาเห็นตอนมันเดือดแล้ว

   แล้วคือการเรียนเรื่องการเล่าเรื่องมันไม่ได้ช่วยแค่ในการเล่าเรื่องของเราอย่างเดียวไง แต่มันช่วยให้เราเสพงานของคนอื่นได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นด้วย เพราะเหมือนเราเข้าใจถึงสภาพ หรือความรู้สึกที่มันบรรยายออกมาจากไวยากรณ์แต่ละรูปแล้วอ่ะ เวลาอ่านมันก็เลยช่วยให้เห็นภาพได้มากขึ้น เข้าใจมุมมองของตัวละครมากขึ้นแบบมากๆๆ สรุปคือเริ่ดค่ะ!!

   นอกจากความรู้เกี่ยวตัวภาษาญี่ปุ่นโดยตรงแล้ว สิ่งที่เด็ดดวงมากสำหรับคอร์สนี้คือพวกทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาที่สองต่างๆ อย่างพวก input กับ output เนี่ยแหละ เพื่อนที่อ่านบล็อกก็น่าจะเห็นแล้วว่านอกจากงานที่อาจารย์สั่งให้เขียนบล็อกกับเพลงที่ขาย เราก็ชอบเขียนเกี่ยวกับพวกทฤษฎีการเรียนภาษาพวกนี้แหละ เหมือนกับเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของกระบวนการรับรู้ภาษาของมนุษย์ แล้วมันก็เลยช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับการเรียนที่ผ่านๆมาของเราได้อ่ะ ที่เราพัฒนาทักษะได้เร็ว หรือช้าเนี่ย มันมาจากปัจจัยอะไร แล้วเราจะปรับปรุงวิธีการเรียนของเราให้ดีและเหมาะสมกับตัวเรายังไง

🎁 สิ่งที่ได้จากการเขียนบล็อก

   มาพูดถึงบล็อกกันบ้าง เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทสำคัญของคอร์สนี้เลยก็ว่าได้ เหมือนชีวิตทั้งเทอมนี้ถวายให้กับบล็อก... แต่ที่ว่ามาก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรืออะไรนะ เพราะเราก็ได้อะไรหลายๆอย่างจากการเขียนบล็อกเหมือนกัน

   ที่สำคัญที่สุดที่อยากจะพูดถึงในบล็อกครั้งนี้ก็คือเรื่องการสังเกตและวิเคราะห์สิ่งต่างๆรอบตัวเนี่ยแหละ เราคิดว่าทุกคนก็น่าจะเป็นเหมือนกัน แบบเวลาเรียนอะไรมาก็ชอบเอาเนื้อหาที่เรียนมาโยงเข้ากับสิ่งที่เราเจอในชีวิตประจำวัน ประเด็นคือปกติเราก็จับมาโยงกันแบบผิวเผิน แค่ให้คุยเล่นๆขำๆกับเพื่อนได้เท่านั้นเอง แต่พอต้องมาเขียนบล็อก มันเหมือนเปิดโอกาสให้เราได้คิดวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยงนั้นอย่างละเอียดจริงๆอ่ะ

   ยกตัวอย่างเช่นบล็อกของคราเชน ที่เราเขียนโดยยกตัวอย่างการเรียนภาษาอังกฤษของพี่ยงว่าเป็นการเรียนแบบ Natural Approach มันเกิดจากการที่เรานั่งดูคลิปเรียนภาษาของพี่ยงฆ่าเวลา แล้วอยู่ดีๆความคิดที่ว่า "เออ การเรียนแบบนี้มันก็สอดคล้องกับทฤษฎี input ของคราเชนเหมือนกันนะเนี่ย" แล้วถึงค่อยมาคิดว่าเอาเรื่องนี้มาเขียนบล็อกดีกว่า พอถึงเวลาที่เขียนจริง ก็ต้องมาวิเคราะห์ดูอย่างละเอียดอีกที ว่ากระบวนการเรียนมันเป็นยังไง มันตรงกับทฤษฎีที่เราจะใช้อ้างจริงหรือเปล่า ซึ่งหากลองคิดว่าเทอมนี้เราไม่ต้องเขียนบล็อกส่งอาจารย์ กระบวนการวิเคราะห์นี้มันจะเกิดขึ้นหรือเปล่า? ก็คงไม่อ่ะแหละ 555555

   อย่างที่เราขายเพลงก็เหมือนกัน เพลงที่เอามาขายน่ะเราชอบมากจริงๆนะ แต่ถ้าถามว่าปกติเป็นคนที่มานั่งดูความหมายเนื้อเพลงอะไรขนาดนั้นก็ต้องตอบเลยว่าไม่ ฟังเอาความไพเราะ เอาอารมณ์เพลงเฉยๆ แต่พอมันมีความจำเป็นที่ต้องเขียนลงบล็อกขึ้นมา ก็ทำให้เราต้องมานั่งดูเนื้อเพลงอย่างละเอียดเพื่อที่จะแปลออกมาได้อย่างถูกต้องและถึงอารมณ์ ซึ่งอย่างที่บอกในทุกครั้งที่แปลเพลง ว่าแค่ตัวเนื้อเพลงเนี่ยมันบอกอะไรเราน้อยมากก มันเลยต้องมาดูองค์ประกอบอื่นๆอย่างเอ็มวีด้วย พอได้ลองมองดูอย่างละเอียดก็เลยได้เห็นพวกสัญลักษณ์และความหมายที่ซ่อนเอาไว้เยอะมาก จากการเขียนบล็อกเพื่อส่ง มันเลยกลายเป็นความสนุกที่ได้ลองศึกษาเกี่ยวกับสัญลักษณ์แฝง และการเชื่อมโยงเนื้อหาเพลงไป

   สรุปสิ่งที่ได้จากวิชานี้ในภาพรวมก็คือ การเรียนในห้องช่วยให้เราทบทวนความรู้เก่าๆ แล้วปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น ส่วนการเขียนบล็อกก็เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ลองคิดพิจารณาสิ่งใกล้ตัวอย่างละเอียดมากขึ้นนั่นเองค่ะ

   สำหรับเทอมนี้ก็ขอขอบคุณอาจารย์กนกวรรณและพี่โนที่คอยให้ความรู้และคำแนะนำในทุกๆเรื่อง ถึงแม้พวกหนูจะมึน เข้าใจยากแค่ไหน อาจารย์ก็ยังพยายามอธิบายจนพวกหนูเข้าใจจนได้ ไม่มีอาจารย์ทั้งสอง คงไม่มีพวกหนูในวันนี้ //กราบเบญจางคประดิษฐ์

   แล้วก็ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นในบล็อกด้วยนะ นี่ชอบอ่านเม้นมาก เข้าใจหัวอกไรท์เตอร์ที่เขียนนิยายต่อได้เพราะคอมเม้นต์เลยอ่ะ มันช่วยบูสท์กำลังใจเราจริงๆ ว่าที่เขียนไปน่ะยังมีคนรออ่านอยู่นะ 55555555

   สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง ใช้ชีวิตปิดเทอมอย่างมีความสุขเด้อออ รักทุกคนมากๆ จุ๊บๆๆๆๆ บรัยย 💕



Comments

  1. ว้าว สรุปได้ละเอียดมากเลยค่ะ ขอบคุณที่ขยันขันแข็งเขียนบล็อกมาจนถึงตอนนี้และเรียนด้วยกันมาจนจบเทอมนะคะ แต่ละเพลงที่เลือกมาแปลก็เพราะมากๆเลย

    ReplyDelete
  2. บล็อกของคุมไชเท้าอ่านง่ายมากเลาชอบมาก ขอบคุณสำหรับหนึ่งเทอมที่ผ่านมานะคับ <3

    ReplyDelete
  3. blog นี้ ชื่อเพราะนะคะ น่าทาน (แหม salmonaruhodo แปลว่า ไชเท้า แล้วเปลี่ยนอารมณ์เลย555) เรื่องของ Mamamoo มีมากกว่าเรื่องของ task อีก 555 แสดงว่าชอบจริง เนื้อหาก็ยังอุตส่าห์นำมาเชื่อมกับโลกของภาษาศาสตร์จนได้อย่างลงตัว แปลเก่งมากค่ะ เวลาทำสิ่งที่เราชอบมันจะเกิดพลังขึ้นมาเลยนะคะ task ที่เขียนก็ทำได้ดี เป็น blog ที่อยากเข้ามาเยือน เพราะมีแสง สี เสียง อยู่เสมอ

    ReplyDelete

Post a Comment